สังคม » อ.เชียงดาวร้องขอกำลังพลภาคพื้นดินและทางอากาศระดมกำลังเข้าดับไฟ หลังไฟยังลุกลามบนเขาสูง

อ.เชียงดาวร้องขอกำลังพลภาคพื้นดินและทางอากาศระดมกำลังเข้าดับไฟ หลังไฟยังลุกลามบนเขาสูง

3 มีนาคม 2020
403   0

Spread the love

วันที่ 3 มีนาคม 2563 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ ได้ติดตามความคืบหน้า หลังจากสั่งการให้นายอำเภอเชียงดาว ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ปัญหาฝุ่นควันอำเภอเชียงดาว เรียกประชุมทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเมื่อวานนี้ (2 มี.ค. 63) เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยมีหน่วยงานป่าไม้ ตำรวจ ทหาร กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าร่วมประชุม ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่อำเภอเชียงดาว เกิดจุดความร้อนในพื้นที่เป็นจำนวนมากที่สุด โดยเฉพาะตำบลเมืองนะ ได้เกิดขึ้นจุด Hotspot สูงถึง 36 จุด จาก 177 จุดในจังหวัดเชียงใหม่ (ข้อมูล 3 มี.ค. 63) ทั้งบริเวณทิศใต้ของดอยนาง ตำบลเมืองงาย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว รวมทั้งตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว และตำบลแม่นะ

ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา และอุทยานแห่งชาติผาแดง ยังคงทวีความรุนแรงและขยายลุกลามเป็นวงกว้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้ร่วมปฏิบัติงานควบคุมและดับไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 27 – 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถควบคุมการลุกลามของไฟป่าได้ และด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง ทำให้การจำกัดวงลุกลามของไฟป่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงจำเป็นจะต้องใช้กำลังพลทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศเข้าทำการดับไฟ โดยได้ประสานไปยังปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งจะส่งมายังจังหวัดเชียงใหม่แล้วออกปฏิบัติการในวันพรุ่งนี้ และในส่วนของภาคพื้นดินได้ประสานขอการสนับสนุนกำลังพล พร้อมกับเครื่องเป่าลม อุปกรณ์ดับไฟ อุปกรณ์สนาม เครื่องนอน อาหารและน้ำ เพื่อให้สามารถควบคุมไฟโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เน้นย้ำให้ชุดปฏิบัติการระดับตำบลทุกตำบลลงพื้นที่หมู่บ้านที่เกิดจุดความร้อน เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับชาวบ้านตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ ตามมาตรการห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดโดยเด็ดขาด และมาตรการปิดป่า สำหรับพื้นที่ที่มีจุด Hotspot เกิดขึ้นซ้ำซากต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่า และกำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยหลังจากมีการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 2 มีนาคม 2563 ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายแล้ว จำนวน 179 ราย แยกเป็นสาธารณสุข 17 ราย ป่าไม้ 105 ราย จราจร 57 ราย