ท่องเที่ยว » ท่าอากาศยานเชียงใหม่เตรียมปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน เพื่อป้องกันการแทรกแซงสัมภาระ ตามมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน

ท่าอากาศยานเชียงใหม่เตรียมปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน เพื่อป้องกันการแทรกแซงสัมภาระ ตามมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน

17 พฤศจิกายน 2020
573   0

Spread the love

นาวาอากาศโท มัธยัณห์ ไกรสรทองศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563  ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมาตรการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน และมาตรการรักษาความปลอดภัย จากระบบ Terminal Screening ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นระบบ In-Line Screening ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. ได้ตรวจสอบมาตรฐานด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และพบโอกาสที่จะเกิด    การแทรกแซงสัมภาระลงทะเบียน (สัมภาระที่โหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน) ที่ผ่านการตรวจแล้ว จึงได้ขอให้ท่าอากาศยาน-เชียงใหม่ ดำเนินการแก้ไข

รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยแบบ Terminal Screening เป็นการตรวจสอบสัมภาระและสิ่งของติดตัวทุกชิ้นที่จะนำเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร สามารถป้องกันหรือคัดกรองสิ่งของต้องห้าม หรือสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ได้ตั้งแต่ก่อนเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสาร แต่ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เกิดความแออัดคับคั่งบริเวณชานชาลา อีกทั้งยังมีโอกาสที่สัมภาระลงทะเบียนที่ผ่านการตรวจ X-Ray เรียบร้อยแล้ว จะถูกแทรกแซงทั้งจากเจ้าของหรือบุคคลอื่น ดังนั้นเพื่อให้มาตรการตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียน เป็นไปตามกฎเกณฑ์ความปลอดภัยด้านการบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 28 ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย  ในการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ตลอดจนลดปัญหาความแออัดและ ความคับคั่งบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จึงได้เปลี่ยนระบบตรวจสอบสัมภาระลงทะเบียนจากระบบ Terminal Screening เป็นแบบ In-Line Screening

 

โดยจะเริ่มทดลองใช้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับผู้โดยสารและผู้ใช้บริการคือ จะยกเลิกจุดตรวจค้นบริเวณประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสาร คงไว้แต่เฉพาะการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ตรวจสอบการสวมหน้ากากอนามัยและเว้นระยะห่าง ตามมาตรการคัดกรองด้านสาธารณสุข ผู้โดยสารที่เข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารแล้ว หากไม่มีสัมภาระลงทะเบียน สามารถเช็กอินได้ตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ตู้เช็กอินอัตโนมัติ หรือ Application จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจ X-Ray ก่อนขึ้นเครื่องตามปกติ สำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียน ต้องทำการเช็กอิน ณ เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน เพื่อรับบัตรผ่านขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) และติดป้ายติดประเป๋า (Baggage Tag) จากนั้นนำสัมภาระที่มีป้ายติดกระเป๋าไปผ่านเครื่อง X-Ray ที่เชื่อมต่อกับสายพานลำเลียงกระเป๋า เพื่อตรวจสอบ ความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากพบสัมภาระต้องสงสัย ก็จะดำเนินการตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยต่อไป

ทั้งนี้การใช้ระบบ In-Line Screening ดังกล่าว จะทำให้กระบวนการเข้าสู่อาคารผู้โดยสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ในระยะแรกผู้โดยสารที่มีสัมภาระลงทะเบียนอาจยังไม่คุ้นเคยกับการต้องนำกระเป๋าสัมภาระไปผ่านเครื่อง X-Ray และรอให้กระเป๋าสัมภาระผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่ จึงอาจต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนการรักษาความปลอดภัยทั่วไปภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเพิ่มความถี่ในการเดินตรวจตระเวนมากขึ้น รวมทั้งใช้สุนัขดมกลิ่นเข้ามาช่วยปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่ผู้โดยสารคับคั่ง.

Diva4d Toto Online Diva4d sekawanbet Taruh4d Daftar dodoslot kerasbola kerasbola
Dodoslot Kerasbola
bewin999 toto macau tt4d scobet999 gwin4d bewin999 gwin4d tt4d gwin4d slot demo link bewin999 slot terbaru bewin999 slot terbaru bewin999