สังคม » เชียงใหม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด–19 เพิ่ม 2 ราย

เชียงใหม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด–19 เพิ่ม 2 ราย

2 เมษายน 2020
615   0

Spread the love

จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด–19 เพิ่ม 2 ราย รวมสะสม 36 ราย ด้าน คลังจังหวัดเชียงใหม่ชี้แจงถึงนโยบายช่วยเหลือเงิน 5,000 บาทต่อเดือน เน้นย้ำประชาชนให้ระวังเว็บไซต์ปลอม

นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ในจังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันนี้ (2 เม.ย. 63) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย โดยรายแรกเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากสถานที่แพร่ระบาด คือจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ว่าได้เดินทางไปยังสถานที่ใดบ้าง รายที่สอง เป็นกลุ่มเฝ้าระวังที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้ติดตามอยู่ก่อนหน้านี้ ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 36 ราย

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค จำนวน 687 ราย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อและกลับบ้านแล้ว 635 ราย อยู่สังเกตอาการในโรงพยาบาล 52 ราย สำหรับยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 36 ราย มาจากกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ระบาด 9 ราย กลุ่มผู้สัมผัสร่วมบ้านผู้ป่วยยืนยัน 3 ราย และกลุ่มมีประวัติเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ 24 ราย

ด้าน นายอนุชา สุขสงวน คลังจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงถึงนโยบายช่วยเหลือเงิน 5,000 บาทต่อเดือน จำนวน 3 เดือน ให้กับผู้มีสิทธิ์ได้รับการชดเชยรายได้ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 โดยจะต้องบันทึกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องเดินทางไปยังธนาคาร และสามารถใช้บัญชีธนาคารเดิมที่มีอยู่ธนาคารใดก็ได้ หรือใช้พร้อมเพย์ที่ผูกกับหมายเลขประจำตัวประชาชน และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้ เมื่อลงทะเบียนเสร็จ จะมีข้อความส่งกลับภายใน 7 วัน ว่าผ่านเกณฑ์หรือไม่ หากผ่านและตรวจสอบว่าเข้าเกณฑ์ได้รับเงินช่วยเหลือ จะมีเงินโอนเข้าบัญชีโดยอัตโนมัติ ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 20 ล้านคน

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ประชาชนระมัดระวังเว็บไซต์ปลอม เนื่องจากมีการทำเว็บไซต์ปลอมขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งผู้ที่ฉวยโอกาสในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นการหลองลวกประชาชน หรือการหักหัวคิว หากตรวจสอบพบจะถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกงทันที มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ