เศรษฐกิจ » จุรินทร์ จ่ายวันนี้ “ส่วนต่างเกษตรกรมันสำปะหลัง” ชาวบ้าน 1 ธันวา โลละ 2.50 รายละไม่เกิน 30ไร่ ชาวบ้านเฮได้เงินสูงสุด 23,000 บาทต่อราย

จุรินทร์ จ่ายวันนี้ “ส่วนต่างเกษตรกรมันสำปะหลัง” ชาวบ้าน 1 ธันวา โลละ 2.50 รายละไม่เกิน 30ไร่ ชาวบ้านเฮได้เงินสูงสุด 23,000 บาทต่อราย

1 ธันวาคม 2019
719   0

Spread the love

1 ธันวาคม 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาเป็นประธานการ kick off โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/2563 ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ณ ห้องประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลชุดนี้ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก็ได้เร่งดำเนินนโยบายประกันรายได้เกษตรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ 5 ตัว ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งได้เริ่มการโอนเงินส่วนต่างแล้ว สำหรับข้าวโพด ผมได้เป็นประธานในการหารือสามฝ่ายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้เคาะราคาประกันแล้ว ณ ราคา 8.50 ณ ความชื้น 14.5% และจะนำเข้า ครม. เพื่อขอความเห็นชอบและเริ่มโอนเงินได้ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 2562/2563 ที่มีการโอนเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันนี้ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังตามนโยบายรัฐบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ในกรณีราคามันสำปะหลังตกต่ำ และเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร หากไม่มีโครงการประกันรายได้ เกษตรกรจะมีรายได้เพียงช่องทางเดียว แต่หากมีโครงการประกันรายได้ เกษตรกรจะมีรายได้อีกช่องทางหนึ่ง จากเงินส่วนต่างระหว่างราคาที่ประกัน กับราคาตลาดอ้างอิง

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังนี้จะประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ ณ หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน โดยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง กก.ละ 2.27 บาท โดยมีส่วนต่างราคาที่จะต้องชดเชยให้เกษตรกร กก.ละ 0.23 บาท ซึ่งเกษตรกรจะสามารถได้รับเงินส่วนต่างชดเชยมากที่สุด 23,000 บาท ต่อครัวเรือน ทั้งนี้ มีเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับสิทธิในครั้งนี้ประมาณ 40,000 กว่าครัวเรือน

เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับเงินส่วนต่างต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกมันสำปะหลังและแจ้งปริมาณผลผลิตและระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา และต้องปลูกมันสำปะหลังจริง โดยคาดว่ามีทั้งหมด 470,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ เกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิก็สามารถได้รับเงินส่วนต่างได้ หากขึ้นทะเบียนและปลูกจริง ดังนั้น ขอให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลการเพาะปลูกจริง ก็จะสามารถได้รับเงินส่วนต่างได้แน่นอน

นายจุรินทร์ยังกล่าวด้วยว่า นอกจากมาตรการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังแล้ว รัฐบาลยังดำเนินมาตรการคู่ขนานอื่นๆเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังแบบยั่งยืน โดยรัฐบาลจะพยายามเพิ่มการใช้มันสำปะหลังในประเทศ เช่นการส่งเสริมให้นำมันไปทำพลาสติกชีวภาพ เหมือนในอินเดีย ที่มีนโยบายส่งเสริมพลาสติกชีวภาพ และห้ามใช้ถุงพลาสติก และหลอดดูดพลาสติก ซึ่งอินเดียผลิตไม่ทันกับความต้องการใช้ในประเทศ จึงเป็นโอกาสของไทย จึงขอให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ และรัฐบาลเองก็มีนโยบายในการส่งเสริมพลาสติกชีวภาพในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้ในประเทศได้อย่างแน่นอน

นอกจากนั้น ผมยังได้นำคณะเดินทางไปลงนาม MOU และเจรจาการค้าเพื่อส่งออกมันที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีนปริมาณ 2.68 ล้านตัน มูลค่า 18636.2 ล้านบาท และเจรจาขายมันที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย 1,000 ตัน และเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ปริมาณ 150,000 ตัน มูลค่า 690 ล้านบาท โดยอินเดียและตุรกีถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก โดยในตุรกี ผู้ประกอบการต้องเสียภาษีนำเข้าแป้งมันถึง 7-9% ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าเจรจา FTA ระหว่างไทยและตุรกีให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อลดภาษีนำเข้าแป้งมันให้เหลือ 0% ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์พยายามทำ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคามัน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

นอกจากนี้ ในช่วงที่ราคามันตกต่ำ รัฐบาลมีมาตรการเสริมในการชะลอการขายมัน โดย ครม. ได้เห็นชอบให้ ธกส ให้สินเชื่อเกษตรกรกู้ดอกเบี้ยต่ำรายละไม่เกิน 230,000 บาท วงเงิน 1,500 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยจ่ายภาระดอกเบี้ย 3% เพื่อให้เกษตรกรเก็บผลผลิตหัวมันไว้ และปล่อยขายเมื่อราคามันเพิ่มสูงขึ้น และรัฐบาลยังมีมาตรการให้การซื้อขายมันที่ลานมันมีความยุติธรรม เนื่องจากการนำมันไปขายมักจะมักเศษดินติดไปด้วย จึงมักจะมีข้อพิพาทระหว่างลานมันกับเกษตรกรถึงน้ำหนักของดิน ต่อไปนี้จะให้มีการติดตั้งเครื่องร่อนมัน โดยกระทรวงพาณิชย์จะช่วยเรื่องเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและชดเชยภาระดอกเบี้ย รวมทั้งการให้ใช้เครื่องชั่งและเครื่องวัดเชื้อแป้งที่ผ่านมาตรฐานของกรมการค้าภายใน

สำหรับการแก้ไขปัญหาโรคใบด่าง รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 248 ล้านบาท ในการเร่งกำจัดโรคใบด่างที่เกิดจากแมลงหวี่ขาว และการจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรในการทำลายหัวมันที่ติดโรค โดยครอบคลุมทั้งแปลงที่มีกรรมสิทธิ์และที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ รวมทั้งการควบคุมการเคลื่อนย้ายหัวมัน เพื่อขจัดโรคใบด่างให้หายไปทั้งหมด

นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการเริ่มโอนเงินส่วนต่างมันสำปะหลังเป็นครั้งแรกแล้ว วันนี้ยังมีกิจกรรมการลงนาม MOU ระหว่างสมาคมภาคเอกชน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันลำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อร่วมมือกันไม่ให้เกิดการตัดราคาสำหรับการส่งออกมันไปยังต่างประเทศ เพื่อไม่ให้ราคามันตกต่ำ และส่งผลมายังเกษตรกร และจะร่วมกันทำราคาส่งออกแนะนำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายหัวมันได้ที่ราคาที่ดีขึ้น โดยหลังจากนี้ จะมีการประชุมทั้ง 4 สมาคม และกรมการค้าต่างประเทศทุกเดือนเพื่อผลักดันและติดตามโครงการนี้

สำหรับข้าว กระทรวงพาณิชย์จะนำมาตรการเสริมเพื่อไม่ให้ข้าวราคาตกต่ำ ได้แก่มาตรการลดต้นทุนการผลิต ช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ และมาตรการชะลอการขายข้าว เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม นบข และรัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างการประกันรายได้ชาวนาเร็วขึ้น จากวันที่ 15 ธ.ค. เป็นวันที่ 7 ธ.ค. นี้

“ผมขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรทุกคนที่จะได้รับเงินส่วนต่างการประกันรายได้ และขอชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่ตั้งใจทำงานมาโดยตลอดเพื่อพี่น้องเกษตรกร และขอให้เกษตรกรทุกท่านได้สบายใจได้ว่านโยบายประกันรายได้นี้จะยังคงดำเนินต่อไปตลอดช่วงอายุรัฐบาลนี้ ” นายจุรินทร์กล่าวทิ้งท้าย

Diva4d Toto Online Diva4d sekawanbet Taruh4d Daftar dodoslot kerasbola kerasbola
Dodoslot Kerasbola
bewin999 toto macau tt4d scobet999 gwin4d bewin999 gwin4d tt4d gwin4d slot demo link bewin999 slot terbaru bewin999 slot terbaru bewin999